Tag Archive for: คาร์บอน

CCS & CCUS

CCS & CCUS: เทคโนโลยีกักเก็บคาร์บอน ทางรอดอุตสาหกรรมสู่ Net Zero

CCS & CCUS

 

📢 CCS และ CCUS: เทคโนโลยีแห่งอนาคตเพื่ออุตสาหกรรมสีเขียว

เมื่อการลดการปล่อยคาร์บอนกลายเป็นวาระระดับโลก อุตสาหกรรมพลังงานและอุตสาหกรรมหนักต้องปรับตัวเพื่อรองรับนโยบาย Net Zero หนึ่งในเทคโนโลยีสำคัญที่ได้รับความสนใจคือ CCS (Carbon Capture and Storage) และ CCUS (Carbon Capture, Utilization, and Storage) ซึ่งเป็นระบบดักจับคาร์บอนเพื่อนำไป กักเก็บถาวร หรือ นำมาใช้ประโยชน์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ


📌 CCS กับ CCUS ต่างกันอย่างไร?

CCS (Carbon Capture and Storage)

✅ ดักจับ CO₂ และนำไปกักเก็บในแหล่งใต้ดิน เช่น ชั้นหินหรือแหล่งก๊าซธรรมชาติที่หมดแล้ว
✅ เหมาะสำหรับอุตสาหกรรมที่ปล่อย CO₂ จำนวนมาก เช่น โรงไฟฟ้าถ่านหิน, อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ และเหล็ก

📢 ข้อดีของ CCS ✅ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระยะยาวได้จริง
✅ ช่วยให้อุตสาหกรรมฟอสซิลยังคงดำเนินการต่อได้ภายใต้กรอบ Net Zero

📢 ข้อจำกัดของ CCS ❌ ต้นทุนการลงทุนสูง
❌ ต้องการพื้นที่กักเก็บที่ปลอดภัยเพื่อลดความเสี่ยงของ CO₂ รั่วไหล

CCUS (Carbon Capture, Utilization, and Storage)

✅ ดักจับ CO₂ และนำมาใช้ประโยชน์ก่อนกักเก็บ
✅ สามารถใช้ CO₂ ที่ดักจับได้ในหลายอุตสาหกรรม เช่น:

  • การผลิตเชื้อเพลิงสังเคราะห์
  • อุตสาหกรรมเคมีและวัสดุก่อสร้าง
  • Enhanced Oil Recovery (EOR) การเพิ่มประสิทธิภาพการสกัดน้ำมัน

📢 ข้อดีของ CCUS ✅ สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับ CO₂ โดยไม่ปล่อยทิ้ง
✅ ลดภาระต้นทุนในการดำเนินงานของ CCS

📢 ข้อจำกัดของ CCUS ❌ มีข้อจำกัดในกระบวนการที่สามารถนำ CO₂ ไปใช้ใหม่
❌ อุตสาหกรรมบางประเภทอาจยังไม่สามารถใช้ CO₂ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ


🌍 โครงการระดับโลกที่น่าจับตามอง

1️⃣ Northern Lights (นอร์เวย์) – โครงการ CCS แห่งแรกของยุโรป รองรับ CO₂ ได้มากถึง 1.5 ล้านตัน/ปี
2️⃣ Gorgon CCS (ออสเตรเลีย) – โครงการของ Chevron ที่กักเก็บ CO₂ ได้กว่า 4 ล้านตัน/ปี


🚀 อนาคตของ CCS และ CCUS: โอกาสหรือแค่ตัวช่วยชั่วคราว?

📢 แม้ว่า CCS และ CCUS จะเป็นเทคโนโลยีสำคัญในการลด CO₂ แต่ยังมีข้อถกเถียงเกี่ยวกับ ต้นทุนและประสิทธิภาพในระยะยาว

แนวโน้มในอนาคต

  • หลายประเทศเริ่มให้ เงินอุดหนุนสูง เช่น สหรัฐฯ สนับสนุนสูงสุด 85 ดอลลาร์ต่อตัน CO₂ ที่กักเก็บได้
  • ธุรกิจพลังงานและปิโตรเคมีลงทุนใน CCUS เพิ่มขึ้น เพื่อลดภาระภาษีคาร์บอน

⚠️ ประเด็นที่ยังเป็นข้อกังวล

  • หากไม่มีการกักเก็บที่ปลอดภัยพอ อาจเกิดปัญหา CO₂ รั่วไหล

🔎 สรุป: CCS & CCUS จำเป็นหรือไม่?

📌 CCS เป็นเทคโนโลยีกักเก็บคาร์บอนที่มีศักยภาพสูง → ลดปริมาณ CO₂ ได้จริง แต่ต้องการพื้นที่กักเก็บที่ปลอดภัย
📌 CCUS เป็นแนวทางที่เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้ CO₂ → เหมาะกับอุตสาหกรรมที่สามารถนำคาร์บอนกลับมาใช้ใหม่
📌 ทั้งสองเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือสำคัญสู่ Net Zero แต่ไม่ใช่คำตอบเดียว

💚 อนาคตของ CCS และ CCUS ขึ้นอยู่กับการพัฒนาเทคโนโลยีและนโยบายที่ชัดเจนของแต่ละประเทศ 🚀♻️

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ CBAM, วิธีการคำนวณ หรือการดำเนินการจัดทำ Carbon Footprint
📌 โปรดติดต่อเรา เพื่อรับคำปรึกษาและแนวทางการดำเนินงานที่ถูกต้องตามมาตรฐานสากล

รับคำปรึกษา

CBAM คืออะไร และแนวทางการดำเนินการตามมาตรการ CBAM ในอุตสาหกรรมเหล็ก

CBAM คืออะไร และทำไมอุตสาหกรรมเหล็กต้องให้ความสำคัญ?

CBAM คืออะไร และจะส่งผลอะไรต่ออุตสาหกรรมเหล็ก

CBAM คืออะไร ? CBAM (Carbon Border Adjustment Mechanism) เป็นมาตรการปรับคาร์บอนตามพรมแดนของสหภาพยุโรป (EU) เพื่อป้องกันปัญหาการรั่วไหลของคาร์บอน ซึ่งมาตรการ CBAM ในช่วงระยะเปลี่ยนผ่านจะมีผลต่อสินค้านำเข้า 6 ประเภทคือ

    1. ซีเมนต์
    2. พลังงานไฟฟ้า
    3. ปุ๋ย
    4. ไฮโดรเจน
    5. เหล็กและเหล็กกล้า
    6. อะลูมิเนียม

ในขณะนี้มาตรการ CBAM ยังอยู่ในช่วง Transitional Phase จนถึงเดือนธันวาคมปี พ.ศ. 2568 ซึ่งกำหนดให้ผู้นำเข้าสินค้าจากประเทศนอกสหภาพยุโรปจะต้องรายงานค่าคาร์บอน หรือ Embedded Emission จากสินค้าที่นำเข้ามาในสหภาพยุโรป แต่ยังไม่ต้องชำระ ภาษีคาร์บอน หรือที่เรียกว่า CBAM Certificate เพื่อช่วยให้เตรียมความพร้อมรับมือกับมาตรการ CBAM ในขณะเดียวกันทางฝั่ง EU อาจจะมีการหารือเพื่อพิจารณาขยายกลุ่มสินค้าที่จะต้องอยู่ภายใต้มาตรการ CBAM เพิ่มเติม

โดยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2569 จนถึงปี พ.ศ. 2577 มาตรการ CBAM จะเข้าสู่ช่วง Post Transitional Phase ซึ่งจะบังคับให้ผู้นำเข้าสินค้าจากประเทศนอกสหภาพยุโรปจะต้องรายงานค่า Embedded Emission และซื้อ CBAM Certificate ตามปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของสินค้าที่นำเข้ามา โดยราคาของ CBAM Certificate จะอ้างอิงกับราคาประมูลของระบบ EU ETS ซึ่งในตอนนี้ราคาเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 อยู่ที่ 74.53 ยูโรหรือประมาณ 2,600 บาทไทย

อุตสาหกรรมเหล็กเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบโดยตรง

เนื่องจากกระบวนการผลิตแบบดั้งเดิม เช่น Blast Furnace และ Basic Oxygen Furnace ปล่อยก๊าซ CO₂ ในปริมาณสูง

ดังนั้น โรงงานเหล็กที่ต้องการส่งออกไปยังสหภาพยุโรป ต้องเตรียมตัวให้พร้อมในการเก็บข้อมูล และรายงานค่า Embedded Emission ให้กับลูกค้าที่อยู่ในสหภาพยุโรป รวมถึงเริ่มวางแผนในการดำเนินการลดก๊าซเรือนกระจกเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันกับคู่แข่งในกลุ่มผลิตภัณฑ์เดียวกัน

เราพร้อมให้คำปรึกษาเรื่อง CBAM, การคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ (CFP) และองค์กร (CFO) รวมถึงแนวทางการลดการปล่อยคาร์บอน เพื่อให้ธุรกิจของท่านสามารถปรับตัวและแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างยั่งยืน

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ CBAM, วิธีการคำนวณ หรือการดำเนินการจัดทำ Carbon Footprint
📌 โปรดติดต่อเรา เพื่อรับคำปรึกษาและแนวทางการดำเนินงานที่ถูกต้องตามมาตรฐานสากล

รับคำปรึกษา